บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

การอุทิศส่วนบุญ [2]


จากบทความที่แล้ว  ผมได้อธิบายไปแล้วว่า การที่จะช่วยญาติที่ตายไปแล้วของเรา หวังพึ่งพุทธวิชาการไม่ได้แน่ๆ  เพราะท่านได้แต่เพียงนำเนื้อหาของพระไตรปิฎกมาบอกเล่าเก้าสิบกันเท่านั้น

ในทางวิชาธรรมกายนั้น มีวิธีการที่จะช่วยญาติของเราได้ง่ายมาก  และไม่ได้ช่วยเฉพาะเปรตที่รับส่วนบุญได้เท่านั้น

ญาติที่ตายไปแล้วที่อยู่ในอบายภูมิที่หนักกว่า “เปรตวิสัย” ก็ช่วยได้  เทวดา พรหม อรูปพรหมก็ช่วยได้  จักรพรรดิทั้งหลาย เราก็ช่วยได้

ขอทบทวนความรู้เดิมก่อน ดังนี้

จากบทความของ ดร. สุเทพ สุวีรางกรนั้น  เรารู้ว่า ญาติของเราทั้งหลายทั้งปวง โอกาสที่จะได้รับการอุทิศส่วนบุญของเรานั้นยากมาก

จะต้องเป็นเปรตประเภทเดียว คือ เป็น “ปรทัตตูปชีวิกเปรต” เท่านั้น

เราได้รับความรู้อีกประการหนึ่งว่า  การที่เปรตที่รับส่วนบุญได้ ได้รับบุญที่เราอุทิศไป ก็เป็นเพราะว่า เปรตดังกล่าว “รู้” ว่าเราทำบุญอยู่

มีหลักฐานที่ปรากฏในพระไตรปิฎกก็คือ เรื่องของ “ปรทัตตูปชีวิกเปรต” เปรตจำพวกนี้ บาปเบาบางลงมากแล้ว และจำญาติของเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นญาติชาติไหนก็ตาม 

เขาก็จะเฝ้าดูเฝ้าติดตามว่าเมื่อไหร่ญาติตนเองจะได้ทำบุญ และอุทิศส่วนกุศลผลบุญนั้นให้แก่เขา

ถ้าญาติไม่อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ก็ไม่ได้  อย่างเช่น เปรตญาติของพระเจ้าพิมพิสาร

นั่นก็หมายความว่า  เหตุที่จะได้รับอนุโมทนาผลของคนที่ตายไปแล้วก็คือ

1) รู้เรื่องราวที่ญาติทำบุญ
2) ญาติต้องอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ด้วย

จำนวนของพระภิกษุทั่วประเทศตามสถิติปี 2551 มี จำนวนพระภิกษุทั่วประเทศ มีจำนวน 251,997 รูป แบ่งเป็นมหานิกาย 224,960 รูป และธรรมยุต 27,037 รูป

ถ้าถามกันจริงๆ ว่า จำนวนพระ 224,960 รูป เมื่อเราทำบุญกับท่านแล้ว ท่านสามารถเอาบุญที่เราทำนี้ ไปบอกแก่ญาติของเราได้หรือไม่?

ผมสามารถยืนยันได้ว่า พระที่กล้ายืนยันได้อย่างนั้น มีไม่กี่รูป

แต่ผมยืนยันได้ว่า ผมสามารถพาบอกญาติของท่านได้ว่า ท่านกำลังทำบุญให้เขาอยู่  ขอให้เขามารับได้เลย  และเขาก็สามารถรับส่วนบุญที่ญาติทำได้ทุกคน

หลักการของวิชาธรรมกายมีดังนี้

1) กลุ่มที่วิชาธรรมกายสูงจริงๆ ก็จะไปที่เขาพระสุเมรุแล้วก็เรียกชื่อคนที่ตายไปแล้ว  ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เขาได้ยิน และก็มาหาทันที

บุญอันแรกที่ให้ได้ก็คือ สอนวิชา 18 กายให้เลย  คนตายเรียนง่ายกว่าคนมีชีวิตอยู่

ขออธิบายการไปที่เขาพระสุเมรุด้วยวิชาธรรมกาย ดังนี้

เราจะต้องเดินวิชา 18 กายไป-กลับ หรือภาษาพระก็ว่าอนุโลม-ปฏิโลมอย่างน้อย 7 เที่ยว คือ ทำให้กายกับดวงธรรมใสมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เมื่อทำกายกับดวงธรรมใสจนได้ขนาด คือ เราพอใจแล้ว  ก็อธิษฐานกับกายธรรมพระอรหัตของเรา ขอให้ไปที่ตีนเขาพระสุเมรุ

ตรงนี้ไม่ต้องถามว่า เขาพระสุเมรุอยู่ตรงไหน เมื่อเปรียบเทียบกับแผนที่ของจักรวาลที่นักวิทยาศาสตร์ทำขึ้นมา  เพราะ มันเปรียบเทียบกันไม่ได้

ในทางศาสนาพุทธนั้น ระยะทาง หรือแผนที่ไม่มีความจำเป็น เพราะ เมื่อจิตทำได้ หรือนึกได้ ก็จะไปถึงเลย

2) กลุ่มที่วิชาธรรมกายไม่สูงนัก  ต้องอาศัยจักรพรรดิของเรา ไปทำงานแทน คือ ไปเรียกบุคคลเหล่านั้นมา

เมื่อเราทำบุญอะไร เขาก็จะได้รับบุญที่เราทำทันที

ญาติผมเอง ญาติของเพื่อนผม ผมทำวิธีนี้ จนขึ้นสวรรค์กันไปหมดแล้ว  ถ้าสงสัยว่า ผมทำได้จริงหรือเปล่า  ก็มาเรียนวิชาธรรมกายกับพวกผม 

เสียเวลาแค่ 1 วัน  เงินไม่ต้องเสีย  ท่านก็จะพิสูจน์ได้ว่า ผมพูดจริงหรือโกหก

ขอเล่าเป็นของแถมนิดหนึ่ง

วิทยากรของเราท่านหนึ่ง ชื่อ อาจารย์ประเสริฐ เป็นครูโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ  บอกใบ้นิดหนึ่งก็ได้ว่า  ฟิล์ม รัฐภูมิ เคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนนี้

วันหนึ่ง ขณะที่อาจารย์ประเสริฐทำวิชาอยู่บนโรงเรียน น่าจะเป็นชั้นที่ 4  ได้ยินเสียง “วี้ดๆ” อยู่แถวๆ หลังห้องหลายครั้ง

หันไปดูสอง-สามหนก็ไม่เจอ จึงทำวิชา 18 กายต่อไป

ครั้งสุดท้าย เมื่อได้ยินเสียง “วี้ดๆ” เมื่อหันไปก็พบหน้าเปรตลอยอยู่ตรงหน้าต่าง

ไม่ใช่เปรตมีแต่หน้า แต่หัว เหมือนผีกระสือ  ตัวของเขายาว  ตีนอยู่พื้นดิน แต่หน้าลอยอยู่ที่หน้าต่างตึกเรียนชั้น 4

เปรตพูดว่า "ขออะไรให้กินบ้างเถิด ไม่ได้กินอะไรมา 50 ปีแล้ว"

อาจารย์ประเสริฐสังเกตรูปร่างหน้าตาแล้ว พบว่า  เปรตตนนี้ มือใหญ่เท่าใบตาล จึงพูดว่า "ตีพ่อ ตีแม่ ใช่ไหม"

ก็มีการซักถามโต้ตอบกันพอสมควรระหว่างวิทยากรของวิชาธรรมกายกับเปรต

สุดท้าย ด้วยความสงสาร อาจารย์ประเสริฐก็แผ่ส่วนบุญให้  ร่างเปรตก็กลายเป็นเทวดาไปในทันที

เรื่องนี้ อาจารย์ประเสริฐเล่าให้ผมฟังเอง  ผมก็ไม่ได้ถามว่า "เปรตที่ว่านั้น เป็นญาติทางไหน และเป็นญาติกันตั้งแต่เมื่อไหร่"

ท่านอยากรู้ ก็มาเรียนวิชาธรรมกายกับพวกเรา  ท่านได้พบอาจารย์ประเสริฐแน่ๆ  เมื่อพบแล้ว ก็ถามกันเอาเอง







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น