บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

โลกหน้ามีจริงหรือ?[3]

ในบทความ “โลกหน้ามีจริงหรือ? [2]ผมวิพากษ์วิจารณ์ข้อเขียนของพระศรีรัชมงคลบัณฑิต เรื่อง “โลกหน้ามีจริงหรือ” ไปแล้วส่วนหนึ่ง 

บทความนี้ จะวิพากษ์วิจารณ์ส่วนที่เหลือ

และยังมีพระบาลีพุทธพจน์อยู่อีกจำนวนมากมีข้อความปรากฏอยู่ทั่วไปในพระไตรปิฎกว่า กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ

แปลว่า คนที่ทำกรรมดี มีความเห็นชอบ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตกย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ขอให้ท่านผู้อ่านสังเกตและพิจารณาข้อความนี้ให้ชัดๆ และเข้าใจให้แจ่มแจ้ง  ผมจะเปิดเผยตัวตนของพระปริยัติให้เห็นกันจะๆะ

ถ้าอ่านกันตามปรกติ ไม่คิดอะไรมาก ข้อความของพระไตรปิฎกดังกล่าวนั้น  ยืนยันได้เลยว่า สวรรค์มี

ในเมื่อสวรรค์มี ก็แสดงว่า โลกหน้ามี  ไม่เห็นจะต้องไปตีความให้ยอกย้อน ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ซ่อนปมไปทำไม

กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ คนที่ทำกรรมชั่วมีความเห็นผิดเบื้องหน้าตายเพราะกายแตกย่อมจะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

บูรพาจารย์ที่แปลภาษาบาลีมาเป็นภาษาไทย ก็ไม่ระบุเรื่องโลกหน้าชาติหน้ากันตรงๆ แต่จะพูดถึงเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสังสาร

แล้วแต่แรงกรรมดีกรรมชั่วที่คอยผลักดันให้เป็นไป

อ้าว... มาถึงตอนนี้ พระศรีรัชมงคลบัณฑิตไปไม่เป็น ไม่เป็นมวยเสียแล้ว

ข้อความนี้

“บูรพาจารย์ที่แปลภาษาบาลีมาเป็นภาษาไทย ก็ไม่ระบุเรื่องโลกหน้าชาติหน้ากันตรงๆ

ผมสงสัยจริงๆ ว่า  ภาพวาดเรื่องนรกสวรรค์ตามฝาผนังวัด  นวนิยาย นิยายนิทานที่กล่าวถึงเรื่องนรกสวรรค์  ที่เป็นวิชาการก็คือ “ไตรภูมิพระร่วง

หลักฐานที่ผมเสนอไปนั้น พระศรีรัชมงคลบัณฑิตยังจะกล่าวว่า บูรพาจารย์ที่แปลภาษาบาลีมาเป็นภาษาไทย “ไม่ระบุ” เรื่องโลกนี้ โลกหน้าเลยหรือ.........

จึงเป็นอันเข้าใจได้ว่า พระพุทธศาสนาได้กล่าวถึงหลักการเกิดตายในหมู่สัตว์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด จะยกเว้นไว้ก็แต่ท่านที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจนบรรลุความเป็นพระอรหันต์เท่านั้น

การเกิดตายไปในอนาคตข้างหน้าของสรรพสัตว์จะเรียกกันว่า โลกหน้าหรือชาติหน้า ก็แล้วแต่จะบัญญัติคำเรียก

เห็นข้อความที่ว่า “จึงเป็นอันเข้าใจได้ว่า” ของ พระศรีรัชมงคลบัณฑิตแล้ว  หมดศรัทธาจะตักบาตรพระจริงๆ

พระไตรปิฎกของเถรวาทไทยนั้น มีเรื่องนรกสวรรค์ปรากฏอยู่ทั่วไป  ไตรภูมิพระร่วงก็นำหลักฐานจำนวนมากมาจากพระไตรปิฎก

เรื่องนรกสวรรค์ในพระไตรปิฎกนั้น ชัดเจนยิ่งกว่าชัดเจนเสียอีกว่า นรก สวรรค์ รูปพรหม อรูปพรมห มีจริงๆ  ไม่ใช่เป็นแค่ “จึงเป็นอันเข้าใจได้ว่า”

เรื่องความไม่เชื่อต่อชาติหน้านี้ มิใช่มีแต่เพียงปัจจุบัน

แม้ในสมัยที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ก็ยังมีความไม่เชื่อต่อชาติหน้าเช่นกัน จะขอยกมาเป็นตัวอย่างสักคนหนึ่ง

คนที่ไม่เชื่อต่อเรื่องชาติหน้าที่กล่าวถึงนี้ ก็คือเจ้านครชื่อปายาสิที่มีปรากฏในพระไตรปิฎกปายาสิราชัญญสูตร ความว่า ………………

เนื้อส่วนส่วนนี้ พระเจ้าปายาสิถามพระรูปหนึ่งว่า ญาติตายไปแล้ว ไปสวรรค์ ไปนรก ไม่เห็นกลับมาบอกบ้างเลย พระก็ตอบไป

อยากรู้รายละเอียดก็ไปหาอ่านเอา

ตรงนี้ ขอให้ผู้อ่านไปคิดเอาเองว่า  เนื้อหาในพระไตรปิฎกมีตั้งมากมายที่สามารถยกมาเป็นตัวอย่างได้

ทำไมพระศรีรัชมงคลบัณฑิตจึงไม่เอามาเป็นตัวอย่าง กลับไปยกตัวอย่างของคนที่ไม่เชื่อว่า นรก-สวรรค์มีจริงมาเป็นตัวอย่าง

การยกตัวอย่างแบบนี้ ก็แสดงให้เห็นว่า พระศรีรัชมงคลบัณฑิตไม่เชื่อว่านรก-สวรรค์มีจริง

พระศรีรัชมงคลบัณฑิตเขียนตอนจบของบทความของท่านไว้ดังนี้

ท่านสาธุชนทั้งหลาย ทิฐิหรือความเห็นที่ผิดๆ แบบของเจ้าปายาสินี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ก่อนหน้านั้นก็น่าจะมีอยู่ เพราะคนมักจะมีเงื่อนไขไปคนละอย่าง

มีคนอยู่บางกลุ่มมักจะเชื่อเฉพาะเรื่องที่มองเห็นได้ด้วยตาหรือเรื่องที่ตนประสบมาเท่านั้น แต่ในคนเช่นนั้นก็ยังไม่แน่เสมอไปว่า จะเชื่อเฉพาะเรื่องอย่างนั้นจริงหรือเปล่า หรือบางทีก็มีความลำเอียงเฉพาะเรื่องเฉพาะบุคคล

ข้อสำคัญก็คือ ความคิดความเห็นต่างๆ อย่าให้เป็นไปเพื่อความเดือดร้อนของตนในโลกอื่น แม้จะไม่เชื่อเรื่องโลกอื่นหรือโลกหน้า

เมื่ออ่านบทความนี้จบแล้ว ท่านผู้อ่านที่เลือกเข้ามาอ่านบทความนี้ ด้วยเหตุผลส่วนตัวของท่าน ท่านคงจะเชื่อตามผู้เขียนไปว่า “นรก-สวรรค์” ไม่มี

จากประสบการณ์การปฏิบัติธรรมตามสายวิชาธรรมกาย  ผมพบเห็นมามากว่า พวกที่ชอบเขียนเผยแพร่ธรรมะอย่างนี้

ไปอบายภูมิกันมาก  มากเสียจนไม่สงสารใครเลย 

พระศรีรัชมงคลบัณฑิต ท่านจะต้องรู้ได้แน่ๆ ว่า “โลกหน้ามีจริงหรือไม่” เมื่อท่านไปอยู่โลกหน้าแล้ว 

โลกหน้าของท่านจะเป็นอย่างไร  ผู้ค่อนข้างจะรู้แล้วในตอนนี้ แต่ท่านเอง คงจะมืดบอดทางปัญญาไปก่อน


จนกว่าจะไปถึง............




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น