บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

วิทยาศาสตร์ 3 ยุค

ข้อความที่ว่า “นรกสวรรค์ไม่มี เพราะพิสูจน์ไม่ได้ในทางวิทยาศาสตร์” เป็นข้อความที่จะต้องได้ยินได้ฟังทุกครั้ง เมื่อเกิดสงครามวาทะกันขึ้น ระหว่างกลุ่มที่เชื่อว่านรกสวรรค์มีจริง กับกลุ่มที่ไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์

ข้อความนั่นก็แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของวิทยาศาสตร์ที่มีต่อองค์ความรู้อื่นๆ ที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์

ศาสนาพุทธนั้นยังถือได้ว่า วิทยาศาสตร์ไม่ได้ทำลายล้างไปทั้งหมด ยังเหลือสิ่งที่วิทยาศาสตร์ยอมรับได้บ้าง  ในกรณีของไสยศาสตร์นั้น ถูกทำลายล้างโดยหมดสิ้น

หมอกลางบ้านในยุคก่อนๆ ก็ถูกทำลายเกือบหมดสิ้นไปเช่นเดียวกัน ยังเหลืออยู่บ้างก็เพียงเล็กน้อย เพราะ การฝังเข็มของจีนช่วยไว้

การฝังเข็มของจีนไม่ใช่วิทยาศาสตร์แน่ๆ เพราะเกิดก่อนมานาน  แต่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันก็ยอมรับไว้เป็นจริง และนำเข้าไปใช้งานเสียด้วย

การฝังเข็มของจีนจึงเป็นพระเอกที่ช่วยหมอกลางบ้าน หมอสมุนไพร ฯลฯ เอาไว้ได้  ช่วยไม่ได้เพียงหมอเดียว คือ หมอผี

กลับมาถึงการพิสูจน์เรื่องนรกสวรรค์กัน 

พวกที่เชื่อนรกสวรรค์มีจริงนั้น บอกว่าพิสูจน์ได้ด้วย “การปฏิบัติธรรม”  เมื่อปฏิบัติธรรมแล้ว ก็จะสามารถไปนรกได้ ไปสวรรค์ได้  สามารถเอามาเล่าสู่กันฟังได้ด้วย

นอกจากนั้นแล้ว  ยังมีคนที่ตายไปแล้ว และฟื้นขึ้นมา เล่าถึงเรื่องยมบาลพาไปนรก เมื่อกลับมาแล้ว ยังบรรยายได้ว่า นรกเป็นอย่างไร

ในกรณีที่ยมทูตทำงานผิดพลาด ไม่รู้ว่าเมายาบ้า หรือเมายาไอซ์ จึงเอาคนไปผิดตัว  คนที่ฟื้นขึ้นมายังสามารถบอกได้ว่า ใครเป็นคนที่จะตาย  และคนๆ นั้นก็ตายจริงๆ

อย่างไรก็ดี การพิสูจน์ต่างๆ เหล่านั้น  กลุ่มไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์ก็ไม่ยอมรับ และมีคำอธิบายได้อย่างมากมาย

- จินตนาการบ้าง
- สลบไปบ้าง
- เชื่อถือไม่ได้บ้าง
- ฯลฯ

ดังนั้น การพิสูจน์ว่านรกสวรรค์มีจริงในทางศาสนาพุทธดังกล่าว ก็ยังยอมรับไม่ได้อยู่ดี ในกลุ่มที่เชื่อวิทยาศาสตร์และไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์

มาพิจารณาถึงการพิสูจน์การมีอยู่ของนรกสวรรค์ของพระนักวิชาการหรือพระปริยัติที่มีชื่อเสียง คือ พระพรหมคุณาภรณ์กันดู  พระพรหมคุณาภรณ์บอกว่า การพิสูจน์เรื่องนรกสวรรค์นี้ ถ้าจะให้รู้จริงๆ ต้อง  ลองตายดู

ประเด็นนี้ ผมเองก็ไม่กล้าพิสูจน์แบบนั้น  ไม่ใช่กลัวตาย  คติประจำใจของผมตั้งแต่เป็นวัยรุ่นมายังคงเหมือนเดิมคือ “กินเรื่องใหญ่ ตายเรื่องกลาง ตะรางเรื่องเล็ก

ปัญหาการลองตายตายดูสำหรับผมก็คือ ผมไม่รู้ว่าจะกลับมาอธิบายให้มนุษย์ในยุคนี้ฟังได้อย่างไร  กลัวว่า พอตายไปแล้ว มัวเพลิดเพลินกับชีวิตหลังการตายอยู่  เลยลืมเรื่องที่ต้องการไปพิสูจน์

หรือในกรณีที่ไม่ลืมวัตถุประสงค์ของการตาย  พิสูจน์ได้แล้วว่า นรกสวรรค์มีจริง หรือไม่มี ตอนที่ผม ในฐานะเป็นผี มาบอกคนที่อยู่ในโลก  คนมันจะอยู่ฟังผมหรือ  ก็คงจะวิ่งกันเตลิดเปิดเปิง พระก็คงวิ่งกันจีวรปลิวเลยนั่นแหละ

ถ้าเป็นอย่างนั้น ในการพิสูจน์ว่า นรกสวรรค์มีจริงในหนังสือเล่มนี้ ก็ต้องพิสูจน์กันแบบวิทยาศาสตร์

หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ พิสูจน์กันอย่างเป็นวิชาการ คือ วิทยาศาสตร์ก็ต้องยอมรับได้ และต้องมีความสมเหตุสมผลด้วย

แล้วเราจะพิสูจน์กันด้วยวิทยาศาสตร์ยุคไหน และพิสูจน์กันอย่างไร เพราะ วิทยาศาสตร์มีถึง 3 ยุคคือ

- ยุคโบราณ คือ ยุคของอริสโตเติล
- ยุคเก่า คือ ยุคของนิวตัน
- ยุคใหม่ คือ ยุคของไอน์สไตน์

- ยุคโบราณ คือ ยุคของอริสโตเติล

นักวิทยาศาสตร์ยุคนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นนักปรัชญาด้วย  ข้อเสียของการเป็นทั้ง 2 อย่างก็คือ นั่งคิดอยู่กับบ้าน ไม่ออกไปสังเกตการณ์ เก็บข้อมูล ไม่ออกทดลองใดๆ  นั่งคิดเอาตามหลักตรรกวิทยาล้วนๆ

อริสโตเติลจึงหน้าแตกในหลายๆ เรื่อง เฉพาะเรื่องการตกของของหนักกับของเบา  ในกรณีของหอเอนเมืองปิซ่านั้น  ถ้าเป็นอริสโตเติลก็คงบอกว่า ของหนักตกถึงพื้นก่อน

อริสโตเติลจึงหน้าแตกเป็นอย่างยิ่ง ถ้ามีชีวิตมาจนถึงตอนที่กาลิเลโอพิสูจน์ได้ว่า ไม่ว่าของหนัก ของเบา ต้องตกลงสู่พื้นพร้อมกัน

วิทยาศาสตร์ในยุคนี้ จึงไม่ควรเอามาใช้ในพิสูจน์นรกสวรรค์ในครั้งนี้  เอาไว้ศึกษากันเป็นประวัติศาสตร์ของวิทยาศาสตร์ก็พอ

- ยุคเก่า คือ ยุคของนิวตัน

ข้อความที่ว่า “ยุคของนิวตัน” นั้น ไม่ได้หมายความว่า นิวตันเป็นนักวิทยาศาสตร์เพียงคนเดียวที่เก่งที่สุดในยุคนั้น

ความจริงแล้ว ยุควิทยาศาสตร์ดังกล่าว มีนักวิทยาศาสตร์ นักปรัชญา นักคณิตศาสตร์เป็นจำนวนมาก ที่ช่วยกันสร้างสรรค์องค์ความรู้ขึ้นมา แต่นิวตันนั้น โด่งดังมากที่สุด เป็นพระเอกของยุคนั้น

นิวตันเห็นลูกแอปเปิ้ลหล่น ก็สามารถสร้างกฎแรงโน้มถ่วงสากล และ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันขึ้นมาได้

องค์ความรู้ในวิทยาศาสตร์ยุคของนิวตันได้สร้างวัตถุใหม่ๆ ให้กับโลกมากมาย  จนกระทั่ง นักฟิสิกส์เกิดความเข้าใจผิดไปว่า “ความรู้ในทางวิทยาศาสตร์ถูกคิดค้นจนหมดแล้ว  เหลือแต่ปัญหาย่อยๆ เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

เช่น กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันคำนวณวงโคจรของดาวพุธผิดไปประมาณ 17 วัน จากการจดบันทึกกันมานานแล้ว เป็นต้น

แต่ประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยอีกครั้งหนึ่ง นักฟิสิกส์ทั้งหลายของยุคนิวตันก็หน้าแตกแบบอริสโตเติลอีกครั้งหนึ่ง เมื่อไอน์สไตน์คิดทฤษฏีของเขาขึ้นมาได้

อย่างไรก็ดี  องค์ความรู้ของวิทยาศาสตร์ในยุคนิวตัน ก็ยังคงใช้ได้อยู่ และนรกสวรรค์ของเรา ถูกทำลายไปก็เพราะวิทยาศาสตร์ยุคนิวตันนี้นั่นแหละ

- ยุคใหม่ คือ ยุคของไอน์สไตน์

ยุคนี้ก็เช่นเดียวกัน ไม่ใช่ว่าจะมีไอน์สไตน์เพียงคนเดียว มีนักวิทยาศาสตร์ นักปรัชญา นักคณิตศาสตร์จำนวนมาก ที่ช่วยกันสร้างสรรค์องค์ความรู้ แต่พระเอกของยุคของก็คือ ไอน์สไตน์

ยุคของนิวตันนั้น ค้นพบว่า แสงเดินทางเป็นเส้นตรง  เวลาของโลก หรือของจักรวาลนั้นคงที่ 

ทฤษฏีของไอน์สไตน์นั้น โค่นองค์ความรู้ของนิวตันไปมาก เรียกได้ว่า เกือบทั้งหมดก็ว่าได้ เพราะ แสงจริงๆ แล้วเดินทางเป็นเส้นโค้ง  เวลาของทุกคนไม่เท่ากันเลย  เป็นเวลาของใครของมันจริงๆ

วิทยาศาสตร์ยุคนี้ เหมือนพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเรื่องนรกสวรรค์ เพราะ นอกจากจะโค่นองค์ความรู้ของวิทยาศาสตร์ยุคนิวตันลงไปแล้ว  ยังยืนยันด้วยว่า นรกสวรรค์นั้น “น่าจะมีจริง”  

ดังนั้น เราต้องศึกษาลึกลงไปในวิทยาศาสตร์ทั้ง 2 ยุคดังกล่าวให้มากกว่านี้ แล้วก็ลงลึกในการพิสูจน์ความมีอยู่ของนรกสวรรค์กันเสียที



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น