บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ขุนศึกทรยศ

ความเชื่อที่ว่า “นรกสวรรค์ไม่จริงหรือไม่” นี้ เปรียบได้กับศึกสงครามอย่างหนึ่ง  ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่านรกสวรรค์มีจริง 

อีกฝ่ายหนึ่งเชื่อว่า นรกสวรรค์ไม่มี  เป็นเรื่องแต่งขึ้น เพื่อให้คนทำความดี  เพื่อให้สังคมอยู่กับอย่างเป็นปกติสุข

สงครามครั้งนี้ ฝ่ายที่เชื่อว่านรกสวรรค์มีจริงเป็นรองทุกด้าน เพราะ ฝ่ายนี้มีการศึกษาน้อย เป็นคนชั้นล่างในสังคม ถึงแม้จะมีจำนวนมากกว่า แต่ก็แพ้ในด้านองค์ความรู้

ท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะสงสัยว่า ในเมื่อมีคนมากกว่า ทำไมถึงเป็นรองได้ 

คำตอบก็คือ เพราะ ในปัจจุบันนี้ เป็นสังคมแห่ง “ความรู้คืออำนาจ”  ผู้ที่มีองค์ความรู้เหนือกว่า จะเป็นผู้ชนะไปในทุกสงคราม

ฝ่ายที่เชื่อว่า นรกสวรรค์ไม่มีนั้น เป็นนักวิชาการ เขียนหนังสือตำราให้กรมวิชาการ ใช้บังคับเรียนในสถานศึกษา  เป็นข้าราชการระดับสูง เป็นนักการเมือง เป็นนักหนังสือพิมพ์ ฯลฯ  แล้วอีกฝ่ายหนึ่งจะสู้ได้อย่างไร

สิ่งเลวร้ายที่สุดของฝ่ายนรกสวรรค์มีจริงก็คือ มีขุนศึกทรยศอยู่เต็มไปหมด

ขุนศึกทรยศส่วนใหญ่แล้ว ร่ำเรียนและเติบโตขึ้นมาได้ ก็เพราะศาสนา  ขุนศึกทรยศส่วนหนึ่ง สึกหาลาเพศแล้ว  ก็มาเป็นนักวิชาการเชิงพุทธ  พวกนี้แทนที่จะต่อสู้ว่า นรกสวรรค์มีจริง แต่ไม่ทำอย่างนั้น

พวกนี้กลับเป็นคนที่บอกว่า “นรกสวรรค์ไม่มี บางคนก็บอกตรงๆ ไปเลย บางคนก็ไม่กล้า ได้แต่อ้อมแอ้มๆ เขียนไป บอกไป

โดยความเชื่อส่วนตัวของผม  ผมเห็นว่า “พระ” หรือ “คนเคยเป็นพระ” ต้องเชื่อว่านรกสวรรค์มีจริง เพราะคำสอนเรื่องนี้มีอยู่เต็มในพระไตรปิฎก  ถ้าไม่เชื่อว่า นรกสวรรค์มีจริง  ท่านก็ไม่ควรบวชเป็นพระ

ท่านอย่าลืมว่า คนส่วนใหญ่ที่ตักบาตรให้ท่านมีชีวิตรอดอยู่ได้นั้น เป็นคนที่เชื่อว่า นรกสวรรค์มีจริงๆ ไม่อย่างนั้น ไม่มาตักบาตรทุกวันๆ ให้ท่านมีอาหารฉันกันหรอก

ท่านรับอาหารจากฝ่ายที่เชื่อว่า นรกสวรรค์มีจริงๆ แต่ท่านไม่เชื่อ กลับไปเผยแพร่ว่าว่า “นรกสวรรค์ไม่มี”  ท่านก็จึงเป็นขุนศึกทรยศ

ขุนศึกทรยศคนแรกที่ควรจะนำมาวิพากษ์วิจารณ์กัน คือ ท่านพุทธทาส

ท่านพุทธทาสเป็นพระนักวิชาการที่มีชื่อเสียงในระดับโลกเลยทีเดียว ไม่ต้องพูดถึงเฉพาะในเมืองไทย 

งานของท่านพุทธทาสอ่านง่ายในประเด็นที่ว่า ท่านไม่เชื่อว่านรกสวรรค์มีจริง เพราะ ท่านเขียนออกมาเลย  ไม่อ้อมค้อม

ท่านบอกเลยว่า ท่านตีความพระไตรปิฎกใหม่  พระไตรปิฎกส่วนไหนไม่เข้ากับวิทยาศาสตร์ ท่านก็บอกให้ฉีกทิ้งออกไป  ท่านพุทธทาสบอกให้ฉีกพระไตรปิฏกออกไปเกินครึ่งของพระไตรปิฎกเลยทีเดียว

ท่านพุทธทาส ท่านไม่ได้หยุดแค่นั้น  นอกจากนรกสวรรค์จะยังไม่มีในสายตาของท่านแล้ว นิพพานก็ไม่มีอีกด้วย

ท่านตีความนิพพานแบบใหม่ที่ว่า นิพพานคือเย็น เย็นอกเย็นใจเมื่อไหร่ก็นิพพานเมื่อนั้น

พวกนักวิชาการยินดีปรีดากันเป็นอย่างยิ่ง เพราะ ก่อนหน้านี้ นิพพานแทบจะหายไปจากแวดวงวิชาการ ไม่มีใครพูดถึง 

เมื่อท่านพุทธทาสตีความแบบนั้น  เหล่านักวิชาการก็ยกย่องว่า ท่านพุทธทาสเอานิพพานลงมาให้ได้พบได้เห็นกันง่ายๆ 

ท่านพุทธทาสตีความผิดแท้ๆ กลับได้รับการยกย่องเลิศหรู

ขุนศึกทรยศคนที่สอง ที่ควรจะนำมาวิพากษ์วิจารณ์กันคือ พระพรหมคุณาภรณ์

พระพรหมคุณาภรณ์มีชื่อเสียงขึ้นมาในฐานะพระนักวิชาการเช่นเดียวกับท่านพุทธทาส  มีชื่อเสียงอยู่ในระดับโลกเช่นเดียวกัน

พระพรหมคุณาภรณ์ก็ไม่เชื่อว่า นรกสวรรค์มีจริงเช่นเดียวกับท่านพุทธทาส

งานเขียนของพระพรหมคุณาภรณ์นั้น อ่านแล้วต้องตีความอย่างพินิจพิเคราะห์ถึงจะรู้ว่า ท่านไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์

ตัวอย่างที่ชัดเจนเรื่องหนึ่งก็คือ ท่านบอกว่าวิธีที่จะพิสูจน์ว่า นรกสวรรค์มีจริงหรือไม่ ก็ต้อง “ลองตายดู

แล้วใครจะกล้าไปพิสูจน์  มันก็ต้องรอเวลาให้ตายจริงๆ ถึงจะหาเวลาว่างไปพิสูจน์กันสักเล็กน้อย

ขุนศึกทรยศชุดสุดท้าย ที่จะกล่าวกันในบทความนี้ก็คือ พระพม่า

พระพม่าเป็นพระที่เชื่อวิทยาศาสตร์มากกว่าพระไทย  หลักฐานก็คือ องค์ความรู้ของตะวันตกเข้ามาในประเทศไทยนั้น เกิดจากสนธิสัญญาบาวริ่ง  ก็แสดงว่า ประเทศเราก็ยังมีหน้ามีตา และมีอำนาจที่จะรับองค์ความรู้ใดๆ ก็ได้

เรียกว่า ไทยเลือกได้ว่าอย่างนั้นเถอะ

แต่พม่าตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ก่อนที่เราจะรับสนธิสัญญาบาวริ่ง ดังนั้น องค์ความรู้ในด้านวิทยาศาสตร์ ความสมเหตุสมผลนั้น  เข้าไปที่พม่าเต็มๆ ก่อนที่จะเข้ามาในเมืองไทย

หลักฐานก็คือ การสอนปฏิบัติธรรมที่เป็นมรดกของพระพม่า เช่น สายยุบหนอพองหนอ สายนามรูป และสายของท่านโกเอ็นก้าที่เพิ่งเสียชีวิตไป

พระพม่าไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องบารมี 30 ทัศ ที่จะต้องตายแล้วเกิดอีก ตายแล้วเกิดอีก อย่างนับภพนับชาติไม่ถ้วนเพื่อสร้างบารมีกัน

พระพม่าไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องวิชชา 3 ที่ต้องรู้ว่า ตนเองตายแล้วเกิดมาอย่างไร ที่ต้องรู้ว่า คนอื่นตายแล้วเกิดมาอย่างไร

พระพม่าบอกว่า เราจะนิพพานได้ภายใน 7 ปี   7 เดือน 7 วัน เท่านั้น ถ้าเป็นท่านโกเอ็นก้า ก็เพียง 10 วัน เท่านั้น

ความเชื่อดังกล่าวเหล่านั้น มาจากการเชื่อวิทยาศาสตร์ว่า เราเกิดมาเพียงชาติเดียวเท่านั้น ตามเหตุตามปัจจัยทางวิทยาศาสตร์

ชาติหน้าไม่มี ชาติก่อนไม่มี

สงครามระหว่างความเชื่อเรื่องนรกสวรรค์  ฝ่ายที่เชื่อว่านรกสวรรค์มีจริง จึงเป็นฝ่ายแพ้อย่างหมดรูป

ถึงขนาดที่ประเทศไทยในขณะนี้ เกิดปัญหาด้านคุณธรรม จริยธรรมกันอย่างที่ไม่ต้องยกตัวอย่าง ก็ยังไม่มีใครเรียกร้องให้ “เอานรกสวรรค์คืนมา เอาวิทยาศาสตร์คืนไป” เสียที



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น